การมอดูเลตสัญญาณ คือ การผสมสัญญาณข้อมูล (data) ที่มีความถี่ต่ำกว่า เช่น 10/100 MHz ใส่ลงในสัญญาณ Carrier ที่มีความถี่สูงกว่า เช่น 2.4 GHz โดย ความถี่ของสัญญาณ Carrier เท่านั้นที่ถูกส่งออกไปในอากาศ โดยมีข้อมูลขี่ไปบนสัญญาณ Carrier นั้นๆ
ข้อดี ของการใช้ความถี่สูงเป็น Carrier เพราะ ช่องสัญญาณกว้างกว่า และใช้เสาสัญญาณที่สั้นกว่า (ความถึ่ยิ่งสูงความยาวคลื่นยิ่งสั้น) ฯลฯ
การ MOD แบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1.Amplitude Modulation (AM)
2.Frequency Modulation (FM)
3.Phase Modulation (PM)
Amplitude Modulation (AM)
Mod สัญญาณ Anolog
Amplitude Shift Keying (ASK)
Mod สัญญาณ Digital
Frequency Modulation (FM)
Mod สัญญาณ Anolog
Frequency Shift Keying (FSK)
Mod สัญญาณ Digital
Phase shift keying (PSK)
Mod สัญญาณ digital ที่สามารถประยุกต์ใช้ในทาง Digital ได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมที่สุด
Quadratic Phase shift keying (QPSK) (ใช้ใน 802.11b)
ในการ Mod 1 ครั้ง แทนที่จะ ใส่แค่ 0 หรือ 1 เราสามารถ
00, 01 ,10, 11 ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้มากขึ้น 4 เท่า หรือ มากกว่า
Amplitude & Phase shift keying (APK)
ถ้าใช้ทั้ง Amplitude และ Phase ก็จะได้ bandwidth มากขึ้นไปอีก
(ในรูปด้านล่างแสดง APK แบบ 8 code 000, 001, … , 111)
16-QAM (คือ Amplitude & Quadratic Phase Shift Keying)
ใช้ทั้ง Amplitude และ Phase โดยจะได้ bandwidth มากขึ้นไปถึง
16 code (4 bit = 0000, 0001, … , 1111)
64-QAM (คือ Amplitude & Quadratic Phase Shift Keying)
ใช้ทั้ง Amplitude และ Phase โดยจะได้ bandwidth มากขึ้นไปถึง
64 code (6 bit = 000000, 000001, … , 111111)
แต่การ Mod แบบนี้ (16,64 QAM) มี ความถี่ ที่ใช้ในการ Mod ชิดกันมาก จึงสามารถเกิด error จาก Noise ได้ง่าย เช่น กรณี Multipath Interference
ในปัจจุบัน มีระบบ COFDM ซึ่งสามารถส่งสัญญาณ RF ได้ในลักษณะ
Near Line of sight (NLOS) คือสามารถสะท้อนสัญญาณ โดยใช้ ตึก หรือภูเขาไปเปรียบเสมือน การกระทบชิ่ง ไปยังผู้รับปลายทางได้ แม้เครื่องส่ง และเครื่องรับ จะไม่ได้ติดตั้งแบบ Line of sight
COFDM คืออะไร…
FDM (Frequency Division Multiplexing) การมัลติเพล็กความถี่สัญญาณ
โดยปกติ เราจะประยุกต์ใช้ Modulator ชนิดต่างๆ โดยเพิ่มการจัดการด้าน การเลือกใช้ Carrierหลายๆความถี่ (Multi Carrier)
OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing)
คือการ Mod ที่ประยุกต์ใช้ Modulator ชนิดต่างๆ โดยใช้Carrier หลายๆความถี่ (Multi Carrier) ที่ไม่สามารถกวนกันเอง (orthogonal frequency)
เช่น การใช้ QPSK ที่ ย่าน 2.4 GHz จำนวน 64 channels (64 Carrier)
แต่ความถี่ที่เลือกใช้ จะถูกปรับไม่ให้เกิดการรบกวนระหว่าง channel หรือ จาก multipath Interference ทำให้ลดปัญหาของ Noise ลงไป (เช่น อาจยอมตัด Channel 2, 4 เพื่อลดการกวน แล้วปรับเลื่อน 3,5… ลงมาใกล้ขึ้น)
Orthogonal (สำหรับเรื่องความถี่นั้น ขอแปลง่ายๆ ว่าไม่สามารถกวนกันได้ ซึ่งจริงๆ ในทางคณิตศาสตร์ จะหมายถึงว่า มิติใดๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์กันทางปริมาณ คือถ้าค่าในมิตินึงเพิ่มขึ้น จะต้องไม่ไปเพิ่มในตัวแปรอีกมิตินึง เช่น ค่าในแกนที่ตั้งฉากกัน 90 องศา (เช่น แกนx จะเป็นเท่าไรก็ไม่เกี่ยวกับ ค่าใน แกน) ตัวแปรจริงกับตัวแปรจินตภาพ มิติของเลขจำนวนเฉพาะ เป็นต้น)
เช่น คลื่น Red, Green, Blue เป็นแม่สี (เป็น orthogonal)
Green(i) + Blue(j) ส่งไปพร้อมกัน ผู้รับจะได้ข้อมูลเป็น Yellow(k)
และสามารถแปลงกลับได้เป็น Green(i) + Blue(j) อย่างถูกต้อง
เพราะทั้งสองเป็นแม่สี และสามารถรู้ได้ว่า ผสมสีสัดส่วนเท่าใด จึงจะได้ Yellow(k)
ส่วน กรณี Non-Orthogonal
เช่น คลื่น ช่วง Red, Purple, Blue (ไม่เป็น orthogonal)
เมื่อต้นทางส่ง Red(i) + Blue(j) ออกไป
ผู้รับจะได้เป็น Purple(k) ซึ่งจะเกิดความสับสนว่าที่ส่งมา เป็น Red(i)+Blue(j) หรือ Purple(k) กันแน่
COFDM (Coded-OFDM)
คือ OFDM ที่มีการส่งสัญญาณตรวจสอบ ERROR (Forward Correction Coding) เพิ่มไปด้วย ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องมากขึ้น
การตรวจสอบ Error ใน COFDM จะใช้วิธี Convolution บิตของdata ที่ส่งในก้อนนั้นๆ (Convolution คือ การ Integrate แบบ discrete time) ตาม วิธี Viterbi algorithm เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และปรับแก้ข้อมูลให้ถูกต้อง
ถ้านึกไม่ออก ก็ให้คิดว่า คล้ายๆ กับ การใส่ Summing Bit (odd,even) เพื่อ ตรวจสอบ error ในการส่งข้อมูล แบบ RS-232 แต่ ทำทุุก 3bits ครับ
[โปรดติดตามตอนต่อไป]